Entry นี้ เป็นการรีวิว เส้นทางขับรถเที่ยว  Hokkaido 3 วัน 2 คืน Sapporo > Furano >Biei > Asahidake พร้อม รีวิวสารพัดทุ่งดอกไม้ Tomita Farm คิดว่าหลายคนกำลังชุลมุนวางแผนขับรถเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาถึงอย่างแน่นอน

สถานที่ที่หลายคนใฝ่ฝันจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต เมื่อมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น (มันคุ้มค่าเป็นบุญตาจริงๆ นะเออ….) ด้วย Landscape ที่มีเอกลักษณ์ พื้นที่ราบสูงต่ำ ไล่ระดับ แนวทิวเขาที่สลับซับซ้อนไหล่เลื่อมกันไปสุดลูกหูลูกตา  ฉากหน้าเป็นดอกไม้สีสด ทำให้ลืมหายใจได้เลยทีเดียว

ถ้าเป็นไปได้ การเช่ารถขับ จะทำให้เรามีเวลาชมทิวทัศน์ แวะจอดตรงที่ที่อยากไป ได้อย่างเต็มอิ่มสุดๆๆๆ แนะนำเลยค่ะ!!!

ถึงจะเป็นเส้นทางสำหรับ 3 วัน 2 คืน  แต่เก็บที่เที่ยวได้ครบเกือบหมดนะ!

เราเลือกที่จะเช่ารถขับเที่ยวในฮอกไกโด โดย ขับจาก  Sapporo ไปเลย เนื่องจาก
1. ค่ารถไฟ จาก Sapporo ไป Asahikawa เพื่อหารถ หรือ เช่ารถไป  เที่ยว Biei Furano นั้น  ค่ารถไฟ JR ต่อคน ตกคนละ 5000 เยน   5 คน  = 7,500  บาท   แพงกว่าค่าเช่ารถอีกค่ะ!  ค่าเช่ารถวันละ ไม่ถึง 10,000 เยน
2. ที่เที่ยว ที่เราจะไป Furano Biei นั้น จริงๆ เป็นเส้นทาง ที่อยู่ระหว่าง  Sapporo และ Asahikawa แต่ ไม่ได้วิ่งบนถนนหลัก ถ้าจะเที่ยวแบบไม่เสียเวลา ไม่ต้องใช้เส้นทางที่ไป Asahikawa ก็ได้ มันมีถนนแยกออกมามุ่งตรงไป Furano เลย ใช้เวลาขับรถ ตามสปีดคนญี่ปุ่น ก็ประมาณ 2 ชม. ระยะทาง 120-150 กิโลเมตร (ถ้ายาวไปถึง Biei) สปีดคนไทย ก็ถึงเร็วกว่านั้นหน่อย 555555
3. ทุ่งดอกไม้ต่างๆ มีเยอะมาก  การขับรถเที่ยว เราสามารถใช้เวลาไปไหนมาไหน ได้ ตามใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลา หรือเสียเวลารอรถ

เส้นทาง เบื้องต้น ของเรา ประมาณนี้ค่ะ (ไม่ได้ไปทุกที่ที่ pin ไว้ในนี้)

Route Map : Sapporo|Furano|Biei|Asahikawa|Asahidake

จะเห็นว่าสถานที่เที่ยว ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง Furano(กลุ่มพินสีเขียว) และ Biei(กลุ่มพินสีแดง) ติดๆๆๆ กัน

ข้อแนะนำสำหรับการขับรถเที่ยว คือ

  • จองที่พัก ระหว่างทาง  Furano Biei ซึ่ง มีที่พักเล็กๆ เป็น pension น่ารักๆ homestay หลายแห่ง เราอาจจะต้องขับรถออกนอกเส้นทาง หรือ เข้ารกเข้าพงไปบ้าง แต่ ได้วิวที่ฟินกว่าแน่ๆ
  • ข้อผิดพลาดของเราในทริปนี้คือ เรารีบจองที่พัก ก่อนจะวางเส้นทางเที่ยว เนื่องจากช่วงที่พวกเราไป เป็นช่วง peak ใกล้เทศกาลโอบง(กลางเดือนสิงหาคม) คนเที่ยวเยอะมากๆ ที่พักเต็มไวมากๆ ด้วยงบประมาณนี่จำกัด ณ ตอนนั้น เราเลยจิ้มเอาที่คิดว่าน่าจะสะดวก คือ อยู่ใน Furano ไว้ก่อน ทำให้ เส้นทางขับรถเที่ยววันแรก ต้องย้อนไปมา ประมาณ  30-50 กิโล คือ เที่ยวไล่ขึ้นไปจาก Furano ไป Biei ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แล้วขับรถย้อนกลับมานอน Furano ใหม่  Sapporo>Furano>Biei>Furano
  •  จองล่วงหน้าก่อนหลายๆเดือน เนื่องจาก ฤดูร้อน เป็นช่วง high season ของ ฮอกไกโดเช่นกัน ถ้าจองได้ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ยิ่งดี

เส้นทางเที่ยวจริงๆ ควรไล่ไปแบบนี้ Sapporo>Furano>Biei>Asahidake > Asahikawa หรือ ขับขึ้นบนไปรวดเดียว แล้วค่อยๆ ไล่ลงล่าง

สถานทีท่องเที่ยว ตามลำดับเส้นทางของเรา ที่ ขับจากใต้ขึ้นเหนือ นะคะ ที่วางแผนไว้ ประมาณด้านล่างนี้ ส่วนที่ขับจริงๆ มันมีเหตุให้ต้องสลับปรับแผน วันที่  2-3 เล็กน้อย เพราะฝนตก

Day 1 : Sapporo >Furano>Biei

  • Highland Furano  ค่าเข้า  500 เยน
  • Furano Winery
  • Furano Cheese Factory
  • Tomita Farm
  • Flower Land Kamifurano
  • Blue Pond /Shiohige Waterfall
  • Ningle  Terrace

ขับกลับมานอน Furano

(เที่ยวจริงๆ ไม่ได้แวะ Highland Furano/Furano Winery/Furano Cheese Factory ค่ะ เที่ยวไม่ทัน ใจจดจ่อกับ  Tomita Farm มากกว่า จึงขับ Sapporo>Tomita Farm เลย ) 

Day 2 Furano>Biei>Asahidake

เที่ยวทับเส้นเดิมจากเมื่อวานก็จริง แต่วันนี้เลือกใช้เส้นทาง ที่เป็นถนนสวยๆ จอดแวะดูวิวไปเรื่อยๆ ค่ะ

  • Jet Coaster Road
  • Kanno Farm
  • Miyama Toge
  • Shikisai-no-oka
  • Takushinkan (Photo Gallery)
  • Patchwork Road
  • Mild Seven Hill

นอน Asahidake

(สำหรับวันนี้ เอาเข้าจริงๆ ฝนตกพรำๆ ตลอดเวลา ไต้ฝุ่นเข้าทางภาคใต้ และกลาง  ฮอกไกโดโดนหางเลขนิดหน่อย ไม่ถึงกับตกหนักแต่ฟ้าครึ้มมาก ทำให้เราใช้เวลาเที่ยวเสร็จไว ลงไปดูทุ่งดอกไม้แผ่บเดียวเสร็จ)  บ่าย 2 กว่าๆ ไม่มีอะไรจะทำ
เส้นทางที่เราเที่ยวย้อนขึ้นมาจนถึง Biei แล้ว อีก 30 กิโลเมตร ก็จะถึง Asahikawa จึงตัดสินใจขับรถเข้าไป Asahikawa ดูจากระยะทางแล้ว เหมือนจะไกล แต่ขับจริงๆ ใช้เวลาไม่นานค่ะ   เที่ยว Asahikawa Zoo ซึ่ง ก็ใช้เวลาเที่ยวไม่นานอีก แก่ๆ เลยวัยดูหมีขาวแล้ว  ออกจากสวนสัตว์ 4-5 โมง  ขับรถเข้าป่า ถึง  Asahidake Onsen ประมาณ 6 โมง  ไม่อยากให้มืดมาก เพราะเป็นเส้นทางเปลี่ยว ในป่าเขา ไม่ได้กลัวอันตราย แต่กลัวหลง รถเสีย อุบัติเหตุ ทางขาดอะไรแบบนั้น ซึ่งก็เจอจริงๆ โชคดีที่ยังไม่มืด คลำทางได้) 

Day 3 Asahidake >Asahikawa>Sapporo

  • Daisetsu-san Trail
  • Asahikawa สถานที่สำคัญๆ เช่น Asahikawa Zoo
  • Asahikawa > Sapporo

(วันที่ 3 โปรแกรมเช้า ทำตามแผน แต่โปรแกรมบ่าย เราไม่ได้ไป Asahikawa เพราะเที่ยวไปเมื่อวันที่ 2 แล้ว เราจึง ขับย้อนกลับมาเส้นเดิม Furano Biei ชมวิวในวันหลังฝนตก ฟ้าใส สวยมากๆ   จอดแวะตามจุดเดิม ที่วันที่ 2  แวะแบบรีบๆหนีฝน
แวะ Furano Cheese Factory / Furano Winery ที่วันแรก ไม่ได้แวะ

กลับถึง Sapporo 6 โมงเย็น ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาคืนรถ  ขับไปเที่ยว Sapporo Beer Garden ใกล้ๆ  กินปิ้งย่าง กระดกเบียร์ ซัปโปโร ก่อนกลับเอารถไปคืนที่ หน้า สถานี และเดินข้ามถนนเข้าโรงแรม) 

เป็น 3 วัน 2  คืน ที่ ฟินฝุดๆ หนุก ลุ้น(ว่าจะหลงไม๊) ดื่มด่ำ ไปกับธรรมชาติข้างทาง หนุกหนานไปกับความลำบากลำบนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะฝนตก อากาศหนาว รึนอนยัดกันเข้าไปในห้องเดียว 5  คน  เป็นความประทับใจดีๆ ไฮไลท์ของฮอกไกโดเลยค่ะ

ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ภาพสวยๆ 3 วัน 2  คืน Sapporo>Furano>Biei>Asahidake ได้จาก  Tab ด้านล่าง ตามวันเลยค่ะ

เช้าวันแรกของการเดินทาง

ตื่นมากินอาหารเช้าที่โรงแรม (Route inn ที่อาหารเช้าดีงามากจิงๆ เลยนะ แนะนำ)  จากนั้นจัดการเช็คเอ้าท์ และจัดการส่งกระเป๋าด้วยแมวดำ Ta-Q-Bin ล่วงหน้าไปโตเกียว เจ้าหน้าที่ฟร้อนท์ของโรงแรม ช่วยกรอกให้หมดเลย ใจดีมาก (ของฝากจากฮอกไกโดทั้งหลาย ซื้อให้เสร็จสิ้นและจับแพคลงกระเป๋าใหญ่ไปโลด จะได้ไม่ต้องหอบหิ้วให้เกะกะ) แยกกระเป๋าเสื้อผ้าเล็ก เดินข้ามฝั่งจาก Hotel Route Inn Sapporo   ไปที่ Nippon Rent A Car  ฝั่งตรงข้าม เพื่อรับรถค่ะ

ขั้นตอนการรับรถต่างๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่  : รีวิว เช่ารถขับเที่ยวฮอกไกโด พร้อม MAP CODE HOKKAIDO

ออกเดินทางจากตัวเมืองซัปโปโร ประมาณ 9 โมงกว่าๆ การจราจรไหลไปได้เรื่อยๆ ขับแบบเกร็งเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะยังไม่คุ้นกับรถ และ GPS เราขึ้นทางด่วนกันค่ะ วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์ ทางด่วนฮอกไกโด ลดครึ่งราคา ทำให้เราไม่ต้องซื้อ Pass แบบเหมาจ่าย เพราะดูจากเส้นทางแล้ว ใช้ทางด่วนแค่ช่วงวันไป และวันกลับ เท่านั้นเอง ระหว่างที่ขับ Furano -Biei – Asahikawa – Asahidake ไม่ได้ใช้ทางด่วน แต่ถ้า เดินทางวันอื่นที่ไม่ใช่วันอาทิตย์ แนะนำให้ซื้อเหมาจ่ายค่ะ

แผนการเดินทาง  วางไว้อย่างหลวมๆ ตามแต่เวลาจะอำนวย

Day 1 : Sapporo >Furano>Biei

  • Highland Furano
  • Furano Winery
  • Furano Cheese Factory
  • Tomita Farm
  • Flower Land Kamifurano
  • Blue Pond /Shiohige Waterfall
  • Ningle  Terrace

 

เราตั้ง GPS  มุ่งหน้าไปยัง Tomita Farm ที่แรก เพราะดูอารมณ์แล้ว อยากเห็นทุ่งดอกไม้ไวๆ ขับจริงๆ ตัด Highland Furano ไป เพราะอยากไปไฮไลท์ของทริปก่อน  อย่างอื่นไว้ทีหลัง

พอเช็คเส้นทางแล้ว เป็นทางเดียวกันกับที่ดู Google Map มาก็ลุยโลดดดจร้า  ใช้เวลา ชม. กว่าๆ ด้วยความเร็วเต่าคลาน 80 กม. กว่าๆ ต่อ ชม. ไม่กล้าเปรี้ยวขับเร็ว  พอออกจากทางด่วน ก็เข้าสู่ถนนเส้นเล็กๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ

ประมาณ 11 โมงกว่าๆ ก็ถึงที่หมาย Tomiya Farm อันเลื่องชื่อ….รมณ์ ประมาณ ฟาร์มโชคชัยยังไงยังงั้น

ขอรีวิวแทรกความเห็น เปรียบเทียบกับทุ่งดอกไม้ทั้งหมดที่ไปมาในทริป เป็นระยะๆ นะคะ

Tomita Farm

เวลาเปิด-ปิด : 9.00-18.00 น.

Entrance Fee : เข้าฟรี

Adress : 071-0704 北海道空知郡中富良野町基線北15号

Tel: 0167 39 3939

Official Website : http://www.farm-tomita.co.jp

คนเยอะสุด มี Facilities ต่างๆ ครบครัน ลานจอดรถ ร้านอาหาร ที่กว้างใหญ่ รองรับนักท่องเที่ยวได้เยอะ ร้านขายของที่ระลึกหลายจุดมากๆ  กินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง

แต่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แนวราบและเนินเตี้ย (ถึงเตี้ยมาก)  ด้านหลังของฟาร์ม จึงจะเป็นเนินสูงติดภูเขา ซึ่ง ณ วันที่เราไป( ต้นเดือนสิงหา) ลาเวนเดอร์ ราบไปหมดแล้ว และยังไม่ได้ปลูกต้นไม้แซม

ใครๆ ที่มาเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ ก็ต้องถ่ายรูปไอติมสีม่วงสวยหวานมาอวดให้เราได้อิจฉาทุกคน …..ขอบอกว่า ต่อไปไม่ต้องอิจฉาแล้วนะคะ ชาวคณะเราชิมแล้วลงมติว่า…..นี่มัน..สบู่ชัดๆ  555555555555 รู้สึกดีที่ไม่ซื้อกินกันคนละอัน แบ่งๆ กันจก อร่อยกำลังดีค่ะ ถ้ากินคนเดียวหมดอัน ไม่ได้แย่นะ แค่กลิ่นไม่คุ้นเคยว่าเป็นของกินเท่านั้นแหละ
ส่วนไอติมสีส้มๆ คือเมลอนค่ะ อร่อย หอมๆ

ด้านในร้านขายของที่ระลึกของ Tomita Farm มีส่วนหนึ่งจัดแสดง และขายดอกไม้แห้ง คือ สวยมากกกกกกกกกกกก อยากซื้อกลับแต่ไม่รู้จะหอบยังไงไม่ให้แตกหักเสียหาย

พวกเรากินกลางวันกันที่ Tomita Farm แบบง่ายๆ เลยค่ะ ไม่อยากหวังน้ำบ่อหน้า ด้วยดูโลเคชั่นแล้วมีแต่ทุ่ง  ข้าวห่อสาหร่ายเนื้อย่าง 5-6 ร้อยเยน และห้ามพลาดข้าวโหดหวานฮอกไกโด ฝักละ 400 เยน อร่อยมากกกกก 

Flower Land Kamifurano  フラワーランドかみふらの

Adress : 〒071-0505 北海道空知郡上富良野町 西5線北27号

Tel : 0167-45-9480

Official Website : http://flower-land.co.jp/

Kamifurano เป็นอีกฟาร์มดอกไม้ ที่ เราอยากแนะนำค่ะ Landscape สวยมาก สวยกว่า Tomita ประมาณ 2 เท่า คนน้อยกว่าด้วย กว้างสุดลูกหูลูกตา ขนานไปกับทิวเขา  มีหอคอยเตี้ยๆ ให้ขึ้นไปชมวิวมุมกว้าง

 

เส้นทางเป็นเนินเตี้ยๆ สลับกันไปมา สวยลืมหายใจอ่ะ!!  

เราขับรถกินลมชมวิวกันไปเรื่อย บ่ายแก่ๆ เป้าหมายต่อไปคือ Blue Pond Aoike 青い池 (สระมรกต)  และ Shirohige waterfall ซึ่งฉีกออกไปทางทิศตะวันออก จาก Kamifurano ห่างไปประมาณ 20 km ใช้เวลาขับประมาณ 20 นาที แต่ว่าระหว่างทางไป รถติดมากกกกกกก อาจจะเพราะ เป็นวันหยุด (ไปวันอาทิตย์) มีที่จอดรถน้อยหรืออะไรไม่แน่ใจ แต่รถต่อคิวยาวมากๆ กว่าจะถึง สระมรกต ใช้เวลามากกว่าที่วางแผนไว้ ทำให้ อดไปน้ำตกโดยปริยาย เราไม่อยากเดินทางค่ำมาก ตอนไปเช็คอิน รร. เผื่อใจไว้หลงทางอีกหน่อย เซฟๆ ยังพอมองเห็นถนนหนทางดีกว่า

พอได้จอดแล้ว ระยะทางเดิน เป็นทางราบ ไม่ไกลเลยค่ะ แป๊บเดียวก็ถึงสระมรกต  ฟ้าครึ้มๆ ไม่มีแดด

Blue Pond : GPS 43.489856, 142.613769

 

 

 

 

หน้าตาคล้ายๆ สระมรกตที่กระบี่เลยนะ เป็นเพราะว่า ในน้ำมีแร่ธาตุ ทำให้มีสีฟ้าแบบนี้ (ให้คะแนนกระบี่ เต็ม  10 เพราะลงไปเล่นได้ด่วย ส่วน อันนี้ ให้ 6  คะแนน ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยค่ะ ตอนนี้ เขียวปี๋ )

น้ำตกไหลผ่านด้านข้างอีกฟากของสระมรกต (เดินมาทางวนจะออก)

 

ออกจาก Blue Pond บ่ายแก่ๆ 4 โมงได้ ใช้เวลาขับ ย้อนกลับมา เข้าที่พักที่ Furano เช็คอิน เก็บของ ก่อนจะมืดแล้วต้องงมหาโรงแรม
จากนั้น ขับรถไป Ningle Terrece กันค่ะ อยู่ใกล้ที่พัก ประมาณ ไม่ถึง 10 นาที

Address : New Furano Prince Hotel nai, Naka-Goryou, Furano-shi  Tel : 0167-22-1111

เป็นกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ ขายสินค้า Handmade น่ารักๆ นอกจากนี้ คาเฟ่ และร้านอาหาร แต่พวกเราไม่ได้เดินลงไปดูกันค่ะ ฝนลงเม็ด

ด้านหน้าทางเข้าค่ะ

เดินๆ ไปเริ่มมืด หน้าแน่นด้วยต้นไม้ น่ารักมากกกกกก 

ฟรุ้งฟริ้งสวยไปอีกอารมณ์นะคะ อยากรู้ว่าถ้ามาตอนหิมะจับหนาๆ นี่ คงเหมือนนิทานสุดๆ

ออกจาก Ningle เราก็ไปหาอาหารกิน mall เล็กๆ ใกล้ๆ พร้อมกับตุนเสบียง ขนม อาหารเช้า เอาไว้สำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้ค่ะ (เริ่มเห็นแววว่า มีแต่ทุ่งหญ้า หาอาหารกินยากมั่ก)

ราตรีสวัสดิ์สำหรับวันแรก……ฟินกันไป แต่ไฮไลท์ยังไม่หมด ติดต่อต่อไปจ้า

วันที่ 2 ของการขับรถเที่ยวฮอกไกโด

เราจองที่พักกันแบบมั่วๆ กลัวเต็ม (จองล่วงหน้าตอนประมาณเดือน เมษายน เพื่อจะเที่ยวเดือนสิงหาคม เนื่องจาก เป็นเทศกาลโอบง ที่คนญี่ปุ่นกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และคนออกมาเที่ยวกัน ที่พักจึงเต็มเร็วมากๆ)

 

วันนี้ บางส่วนของประเทศญี่ปุ่น โดนพายุใต้ฝุ่นเข้าหนักเลยค่ะ ลูกใหญ่เป็นประวัติการณ์ ถ้ายังจำกันได้ เป็นข่าวเมื่อปีที่แล้ว
สำหรับฮอกไกโด ไม่ถึงกับเป็นพายุ แต่ฝนพรำๆ แต่เช้า

เราขับใช้เส้นทาง มุ่งหน้า Furano -> Biei เหมือนเดิม แต่คราวนี้ เลือกใช้ถนนอีกเส้นนึง คือ
Jet Coaster Road(ดู Mapcode  ได้จากในลิงค์โหลดแผนที่) ด้วยความที่เราเป็นเนวิเกเตอร์วันนี้ ดูทาง บอกทาง  มองกระจกหลังตลอดๆ จะเห็น วิว สวยโฮกกกก

ขับๆ ไปฝนเริ่มหนาเม็ด….เราพยายามจะแวะ  Patchwork Road และอื่นๆ ลงได้บ้าง ตากฝนบ้าง ดูวิวบนรถบ้าง

บนเส้นทาง เราพยายามแวะเก็บทุ่งดอกไม้อีกสักหน่อย แต่อากาศไม่อำนวยอย่างที่เห็น ดินดำน้ำชุ่มสุดๆ

Shikisai-no-Oka

ทุ่งดอกไม้สลับสี (8.30-18.00) เข้าฟรี แต่ว่า ฟินกันตั้งแต่เมื่อวาน ที่ Kamifurano แล้ว เวิ้งเนินนี้ เลยดูธรรมดาไปในวันฝนตก ประกอบกับดอกไม้ที่ปลูกใหม่หลังจากลาเวนเดอร์ ยังไม่ออกดอกด้วยค่ะ

Address : 〒071-0473北海道上川郡美瑛町新星第三 Tel : 0166-95-2758

http://www.shikisainooka.jp/english/

แวะ Takushinkan (拓真館)เป็น Photo Gallery ที่อยู่ในเส้นทางผ่าน  เข้าชมฟรีค่ะ จัดแสดงภาพถ่าย ของ Hokkaido ในฤดูต่างๆ สวยงาม มีโปสการ์ดขายเป็นที่ระลึก…..แย่หน่อยตอนเราไปเจอทัวร์จีนลง เดินสวนสนามกันขวักไขว่น่าดู

บ่าย 2 กว่าๆ ออกจาก Biei  ฝนตกทำให้มีเวลาเหลือมากมาย ซึ่งจริงๆ ตามแผนเดิม กะว่าวันนี้ ถ้าเวลามากพอออกจาก Biei เที่ยง เราสามารถไปขึ้น Asahidake ตอนบ่ายได้ เพราะ trek รอบเล็กใช้เวลา 1-2 ชม. เท่านั้น แล้ววันที่ 3 เราจะมีเวลาเหลือเที่ยว Asahikawa แบบชีลๆ อีก 1 วัน

แต่ด้วยสภาพดินฟ้าอากาศ ฝนตก ขับรถได้ช้าและสภาพแบบนี้ ขึ้นเขาไป คงลำบาก  เป็นอันว่า เก็บไว้ปีนเขากันวันพรุ่งนี้แล้วกัน ภาวนาอย่าให้ฝนเทลงมาอีก

เวลาเหลือมากมาย  พวกเราไม่อยากรีบเช็คอิน ที่ Asahidake Onsen เร็วนัก เลยตกลงกันว่า ขับเข้า Asahikawa ไปสวนสัตว์กัน ใช้เที่ยวสวนสัตว์สัก 2 ชม. ก่อนจะ วกกลับมา Asahidake ก่อนฟ้ามืด เพราะเป็นทางขับเข้าป่า เขาลำเนาไพร ไม่อยากให้มืดมาก กลัวจะหลงทางค่ะ

Asahikawa zoo ขับตาม Mapcode ไปชีลๆ ใช้เวลา 30-40  นาที

Address :  Higashiasahikawacho Kuranuma, Asahikawa, Hokkaido Prefecture 078-8205, Japan  Tel :  +81 166-36-1104

Hours open to visitors: Late April-early November (Please check at official website). 09:30 – 17:15 (last admission: 16:15); November 3 – April 7: 10:30 – 15:30 (last admission: 15:00)
Admission Fee: 800 yen (high school students and older); free (junior high school students and younger)

http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/zoo/asahikawa-municipal-asahiyama-zoo.html

ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวแล้ว บรรดาไฮไลท์ต่างๆ อย่างเพนกวิ้นเดินขบวนไม่มี คนต่อคิวเข้าไปดูโชว์ หมีขาว ยาวมากกกก พวกเราเลยบ๊ายบายดูด้านนอกก็ได้ เห็นเหมือนกัน อื่นๆ ก็….จัดได้สะอาด สัตว์ดูมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่พวกเราแก่เกินจะอินกะสวนสัตว์ในยามที่ไม่มีเด็กๆมาด้วย เก๊าะเลยไม่อินกันเท่าไหร่

4.30 pm ออกเดินทางกลับไป Asahidake

เจ้าสิงโตทะเล นี่น่ารักมากจริงๆ ดูแล้วสดใส ซุกซน ขี้เล่นชะมัด นอนตีพุงว่ายน้ำอวดไปมา 

เส้นทางที่ขับไป Asahidake ไม่ได้ขึ้นเขาฉวัดเฉวียนอะไรมากขับธรรมดาๆ ค่ะ แต่มีเรื่องระทึกคือ เส้นทางที่ GPS บอกให้เราไปนั้น ทางไปไม่ได้ อ่านป้ายไม่ออกว่า สะพานขาด โชคดีด้านหน้ามีรถคนญี่ปุ่น  แหกขับเข้ามาเหมือนกัน……เขาก็งงๆ เราก็งงๆ..เค้าจอดดูแผนที่ เราก็จอดตาม พอเค้าออกรถ เราก็ออกตาม  ฝากความหวังไว้ด้วย ณ จุดนี้  ฮ่า…..

โชคดี พอ GPS  Rerouteing ให้ใหม่ ไปอีกเส้นทางนึง ก็ไม่ได้อ้อมอะไรมากนัก ทำให้มาถึง รร. ก่อนฟ้าจะมืด….(ดีนะ ที่ไม่เที่ยวจนค่ำ  มีหวัง หาโรงแรมไม่เจอแน่ๆ) อยู่กลางป่าเขาเลยจร้า… จากโรงแรมนี้ไปอีกหน่อยเดียวก็จะถึงทางขึ้นกระเช้า Asahidake Ropeway ค่ะ เป็นจุดหมายของพรุ่งนี้ และเป็นไฮไลท์ของทริปเลยก็ว่าได้ ^__^

แต่ดูสภาพฝนฟ้าซะก่อน T___T

เช้าวันนี้ เป็นวันสุดท้าย ก่อนกลับ โชคดีมากกกกกก

ตื่นมาท้องฟ้าสดใส แดดออกค่ะ ฝนคงตกหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน ค่อยยังชั่ว

แผนการวันนี้ของเราคือ ไป Treking  เบาๆ ณ  อุทยานแห่งชาติ  Daisetsuzan ฝั่ง Asahidake และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนอกเหนือแพลนที่วางเอาไว้ แต่ก็ เป็น จุดที่เล็งเอาไว้เผื่อ กรณีมีเวลาเหลือ
เช้า Daisetsuzan

กลางวัน ขับรถเที่ยว Patch Work ชมวิว ถ่ายรูป

บ่าย  Furano Cheese Factory / Furano Winery

เย็น ไปโผล่ โรงเบียร์ Sapporo Beer Garden

ดึก อยู่แถว Susukino

มาตามรอยกันว่าวันนี้ เราจะเที่ยวกันชุ่มฉ่ำปอดขนาดไหน….ฮิฮิฮิ

วิวจากห้องนอนตอนเช้า ^__^

ขับรถจากที่พักมาประมาณ 10 นาที ก็ถึงทางขึ้น Ropeway จะมีลานจอดรถ แบบเสียเงิน กับ จอดลานห่างออกไปหน่อย ฟรี แล้วเดินมา ก็ไม่ได้ไกลจากกันเท่าไหร่นะ

ที่ด้านล่างนี้ จะมี ร้านอาหาร ขายน้ำ เสบียง เสื้อกันหนาว น้ำ ราคาไม่ได้แพงเวอร์ สามารถมาซื้อหาแถวนี้ได้  ของใช้จำเป็น Treking Pole รวมถึงล็อคเกอร์ สำหรับคนที่ฝากสัมภาระเอาไว้ด้วยค่ะ

แค่เห็นในจอก็ตื่นเต้นละ…สวยมากๆ ตอนซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งความเร็วลม และสภาพอากาศด้านบนให้เรารู้ก่อน ว่าไหวไม๊….ถ้าสภาพอากาศไม่ดี เขาก็ไม่ให้ขึ้นค่ะ

Daisetsuzan นี้ ถือว่าเป็นหลังคาของ Hokkaido เลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ตรงกลางของเกาะเลยค่ะ สามารถขึ้นได้ หลาย ด้าน คือ มาจากทางฝั่งที่เรามาขึ้นนี่ ถ้ามาจาก Biei  ขึ้นจาก Asahidake Ropeway จะใกล้กว่า แต่สำหรับคนที่มาจากทาง Asahikawa แล้ว เขาจะไปขึ้นอีกทาง คือทาง Kurodake Ropeway ที่มี  Sounkyo Onsen อยู่ตีนเขา โดยสองเส้นทางนี้…..ฝั่ง Asahidake จะเดินง่ายกว่า (เขาว่ามานะ) วิวก็ต่างกันด้วย

 

ถ้ามาตอนใบไม้เปลี่ยนสี คงสวยไปอีกแบบ แต่แค่นี้ ก็สวยมากๆ แล้วในความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและป่าไม้ 

ประมาณ 15  นาทีก็ถึงStation ด้านบน

เจ้าหน้าที่อุทยาน อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ทราบเบื้องต้น…แน่นอนว่า ภาษาญี่ปุ่นล้วน

ห้องน้ำ ต้องเข้าไปจากที่นี่เท่านั้น เดินไปแล้วไม่มีห้องน้ำ ไม่มีถังขยะ ให้เก็บกลับมาทิ้งที่นี่ ณ จุดนี้ ยังมีอาหารและน้ำดื่มขายด้วยค่ะ มีที่นั่งพัก

เริ่มออกเดินแร้วน๊า…เส้นทางนี้ เป็นระยะสั้นๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง เดินไม่ไกล ทางไม่ได้ยาก พอให้ออกกำลังนิดหน่อย เป็นเส้นทางสูง ลาดชั้น สลับกับทางราบ มีราวให้เกาะบ้าง มีก้อนหิน เป็นขั้นบันไดบ้าง
อุปสรรค์ สำคัญคือ ลมแรงมากกกกกกกกก มากจริงๆ จำความเร็วลมไม่ได้  แต่คือ ตัวจะปลิวได้เลยอะ ประกอบกับระดับความสูง ทำให้อากาศทั้งหนาวทั้งลมแรง  ก้าวขาแทบไม่ออกเลยล่ะ โดย

เราจะเดินกันไปจนถึง ควันขโมงๆ ตรงโน้นแหละค่า ดูเหมือนไม่ไกล แต่ ไกลพอควรเลยนะ 

 

Daisetsuzan |Asahidake

Daisetsuzan |Asahidake

คือ สวยมากกกกจริงๆ 

เดินเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นกำมะถันคลุ้งเชียวค่ะ ณ จุดสิ้นสุดตรงนี้ คนธรรมดาแบบพวกเรา ได้เวลาเดินวกกลับเป็นวงกลม สำหรับคนที่จะไปต่อ จากนี้ จะต้องมีอุปกรณ์ Treking Pole รองเท้าปีนเขา และ servival kit ต่างๆ ที่พร้อม

วกกลับมา จะเป็นบึงรูปหัวใจ 

มองย้อนกลับไปจุดที่เราเดินมาเมื่อสักครู่

สวยมากกก จนกล้องไม่สามารถ่ายออกมาได้ 

จากไฮไลท์ของทริปนี้….ฟินสุดๆๆ คือ คุ้มค่ามาก เราแวะพักขา ให้หายหนาว ที่จุด Ropeway และออกเดินทางกลับลงมาขับรถย้อนเส้นทางเดิม เนื่องจาก เมื่อวานฝนตก ค้างคาใจมาก วิวสวย แต่ถ่ายรูปไม่ได้
เส้นทางขากลับทางเดิมเป๊ะๆ Patchwork Road  รู้สึกว่าได้มาถึง Furano Biei ก็วันนี้นี่แหละ
อิ่มวิวกันจนลืมกินข้าว 

Potato Farm หนึ่งในพืชที่ปลูกมากในฮอกไกโด  เจ้ามันฝรั่งทอดของฝากยอดฮิตที่คนไทยซื้อกันเยอะๆ นั่นแหละ  กำลังออกดอกขาวสะพรั่งเต็มทุ่งเลยจ้า

แวะ Furano Cheese Factory ค่ะ อันที่จริงก็อยู่แถวๆ วันแรกที่เราผ่านไปผ่านมา นั่นแหละ แต่วันนี้มีเวลา เก็บตกสถานที่เที่ยวซะหน่อย…..เค้าให้เข้าไปดูกรรมวิธีผลิตชีสในโรงงาน ชิมชีส  มีขายพิซซ่า และไอติมด้วย….ไอติมชีส เข้มข้น หอม มัน ดีค่ะ

Furano Cheese Factory

Furano Cheese Factory

ที่สุดท้าย แวะ Furano Winery อีกที่นึง…….ไม่มีไรมาก  ถ้าไม่ได้มีเวลาเหลือ ไม่ต้องแวะก็ได้ค่ะ มีให้ชิมไวน์ กะซื้อไวน์กลับบ้าน…ด้านหลัง มีที่ปลูกองุ่น แต่ตอนที่เราไป นี้มันโล่งเตียนหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ดู 

ออกจาก Furano เราก็ขับกลับ Sapporo ขึ้นทางด่วน มาถึง Sapporo ประมาณ 6 โมงเย็น เริ่มโพล้เพล้ ด้วยความที่ เราเลือก ศูนย์เช่ารถ Nippon ที่ปิด  5 ทุ่ม เพราะงั้นจึงยังมีเวลาอยู่ ยาวปายยยย…..
แวะ Sapporo Beer Garden กันค่ะ ถึงตัว Museum จะเปิดแล้ว แต่มี ส่วนของร้านอาหาร ปิ้งย่าง และร้านขายของที่ระลึกเปิดให้บริการ คึกคักมากเลยล่ะ

อาหารที่นี่ค่อนข้างราคาสูง…เทียบกับที่กินเนื้อย่างกันแถวซูซูกิโนะวันก่อน  วันนี้ไม่อิ่ม แต่กินกันเอาบรรยากาศ เพลินๆ  กินเสร็จ แวะช็อบปิ้งห้างข้างๆ แพร๊บบ ก่อนจะเอารถไปคืนที่ศูนย์

ยังฮ่ะ ยังไม่จบ…..ค่ำคืนสุดท้ายในฮอกไกโด พวกเรา ยังมีแรงเหลือกัน แวะไปเดินเล่น ตรอกราเมงกันต่อ แถมด้วยนั่งกรึ๊บเบียร์กันเบาๆ ข้างทาง เพราะเหมือนจะเป็นงานเทศกาลประจำปี ปิด susukino เลย  คนญี่ปุ่นก็มองๆ ใหญ่ เพราะ 5 สาว ดูขี้เมาไม่เข้าพวก กินถั่วแระ จิบเบียร์ ก่อนนอน ชะเอิงเอย….ค่ำคืนสุดท้าย ก่อนที่ เราจะบินกลับ โตเกียวพรุ่งนี้บ่าย

Comments

comments