คิดว่าช่วงปลายปีแบบนี้ หลายๆ คนคงอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างแน่นอน เราก็เลยได้โอกาสมาทำทริปรีวิวที่เราได้ไปเที่ยวกันมาให้ดู กับทริปโตเกียว เที่ยวเองได้ ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ชิลๆ แบบ กิน เที่ยว ช้อป แบบมีงบจำกัด ซึ่งจะเป็นแบบไหน ไปดูกันได้เลย
สำหรับใครที่มีงบเที่ยวไม่มาก ก็คงนึกถึงตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด จากสายการบินโลว์คอสอย่าง Air Asia ใช่มั้ยล่ะ ทีนี้เราขอมาแนะนำทริคที่จองตั๋วได้ถูกกว่าบนเว็บ Air Asia ซะอีก นั่นก็คือเว็บ Traveloka เพราะว่าเจ้านี้ไม่มีค่าธรรมเนียม ถึงตอนแรกราคาตั๋วที่โชว์จะแพงกว่า แต่พอมาถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน เค้าไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เลย แม้จะจ่ายบัตรเครดิต โอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม ก็เลยประหยัดไปได้หลายบาท แต่ถ้าจองกับเว็บ Air Asia รูดบัตร ก็อาจเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 300-400 บาทเลยทีเดียวแหละ
วันที่ 1
ลงเครื่องมาปั๊ป ก็เข้าที่พักเก็บกระเป๋าก่อนออกมาเที่ยว ซึ่งเราเลือกพักในย่านอุเอโนะ เพราะเดินทางสะดวกจากสนามบิน มีทั้ง Skyliner และ Access Express มาถึงเลย แถมมีที่พักแบบโฮสเทลราคาประหยัดค่อนข้างเยอะอยู่ในย่านนี้ ซึ่งใครชอบแบบไหนก็ไปจองกันได้
และที่แรกที่เราแวะมาเช็คอินกันก็คงเป็นย่านอาซะกุสะ เนื่องจากอยู่ห่างจากที่พักของเราแค่สถานีเดียว เดินชิลๆ ถ่ายรูปเล่นๆ ที่ย่านนี้ หาของกินอร่อยๆ และแน่นอนว่าเมื่อมาถึงย่านนี้ ก็คงต้องไปที่ “วัดเซนโซจิ” (Sensoji Temple) แลนด์มาร์คที่ใครมาโตเกียวก็ต้องมา ซึ่งที่นี่ความโดดเด่นก็คงอยู่ที่เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว และมีประตูแดงที่ห้อยโคมอันเบอเร่อเป็นจุดถ่ายรูปสำคัญ เรียกว่า ประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) บวกกับถนนสายช้อปที่อยู่หน้าวัดอย่าง ถนนนากามิเสะ (Nakamise Shopping Street) ก็ใช้เวลาเดินไปพอสมควรแล้ว
พอเดินช้อปปิ้ง ไหว้พระขอพรกันเสร็จ ห้ามพลาดที่จะมาถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำสุมิดะ ที่ชื่อว่าอาซุมะบาชิ (Azumabashi Bridge) ซึ่งมองเห็นได้ทั้ง โตเกียว สกายทรี และ อาคารเบียร์อาซาฮี ด้วยค่ะ จากนั้น เราจะพาไปกินของอร่อยในย่านนี้กัน
ร้านอร่อยที่เราจะพามากินก็คือ ร้านข้าวหน้าปลาไหล ที่เปิดมานานกว่า 100 ปี ชื่อว่า IROKAWA โดยร้านนี้อยู่ในตรอกเล็กๆ เยื้องๆ กับวัดเซนโซจิ หน้าปากซอยจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ OZEKI ค่ะ ที่จริงร้านนี้ เปิดประมาณ 11.30 – 13.30 น. แป๊ปเดียว ร้านนี้ ก็ขายหมดแล้วค่ะ ฉะนั้น ที่จริงแล้วคุณอาจมาต่อคิวที่นี่กันก่อน แล้วค่อยไปเที่ยววัดเซนโซจิ ก็ได้เหมือนกัน
วันที่ 2
มาถึงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นทั้งที เราบอกเลยว่า ยังไงๆ ก็ต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิให้ได้ ฉะนั้น สำหรับวันที่ 2 เราจะพาออกนอกเมืองแบบไปเช้า-เย็นกลับ ออกจากที่พักเร็วสักหน่อย แล้วไปลงที่สถานี Shinjuku กัน
วิธีการมาขึ้นรถบัสไปยัง Kawaguchiko นั้นก็ไม่ยากค่ะ เพราะว่าสถานีรถบัสก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางออกฝั่งทิศใต้ของสถานีรถไฟ โดยค่ารถก็ตกคนละ 1,750 เยน โดยเราแนะนำให้จองล่วงหน้าค่ะ (จองล่วงหน้าได้ 30 วัน) ผ่านเว็บ http://highway-buses.jp/fuji/ เพราะว่าคิวมันค่อนข้างยาว พอได้ขึ้นรถ ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงที่ Kawaguchiko ค่ะ (รถบัสมีแวะจอดที่ Fuji-Q Highland ด้วยนะ )
มาถึงที่สถานี Kawaguchiko เราก็แนะนำให้เดินเล่นรอบๆ ก่อนเลยค่ะ ไม่ว่าจะชมวิวที่ทะเลสาบ ปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ดหา หาของกิน แล้วค่อยนั่งรถบัสไปขึ้นกระเช้า Mt. Kachi Kachi Ropeway เพื่อชมภูเขาไฟฟูจิและวิวสวยๆ กันค่ะ
ตอนไปโชคดีมากค่ะ ท้องฟ้าคือโปร่งโล่ง อากาศดี ก็จะได้ภาพดีๆ เห็นฟูจิชัดๆ แบบที่เห็น โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ช่วยเลย พอถ่ายรูปเสร็จอะไรเสร็จ คุณก็อาจแวะเที่ยวที่อื่นต่อก็ได้ในแถบนี้ เพราะที่นี่เที่ยวได้ทั้งวันจริงๆ ค่ะ จากนั้น ก็นั่งรถจากสถานีกลับไปชินจูกุ เดินเที่ยวเล่น หาของกินย่านนั้นได้ต่อด้วย ตอนกลางคืน ถือว่าครบเลย สำหรับวันนี้
วันที่ 3
สำหรับวันนี้ โปรแกรมของเราก็จะชิลๆ หน่อย เพราะเราจะพาไปที่ศาลเจ้าเมจิ และ เที่ยวฮาราจูกุกันค่ะ
สำหรับการมาก็ไม่ยาก มาลงเลยค่ะที่สถานี Meiji-Jingumae ‘Harajuku’ พอออกมาก็จะรู้เลยว่า ฝั่งตรงข้ามเป็น Harajuku ส่วนด้านหลัง ก็เป็นทางไปศาลเจ้าเมจิ
พอเข้ามาในบริเวณศาลเจ้า สองข้างทางก็จะเป็นป่าทึบๆ ค่ะ คือเงียบสงบมาก บรรยากาศต่างจากภายนอกมากจริงๆ ยิ่งช่วงปลายปี อากาศก็จะเย็นมากๆ ด้วย โดย “ศาลเจ้าเมจิ” (Meiji Shrine) นั้น เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 ซึ่งเค้าบอกว่าภายในมีต้นไม้กว่า 1 แสนต้นเลยทีเดียว บรรยากาศก็เลยดีมากๆ ค่ะ ทั้งนี้ ศาลเจ้าที่นี่ เป็นที่นิยมที่สุดของญี่ปุ่นในการมาขอพรช่วงปีใหม่ด้วยนะคะ ไหว้พระขอพรกันเสร็จ เราก็ไปต่อที่ฮาราจูกุ เดินเล่นไปถึง Cat Street กันได้เลย
“ฮาราจูกุ” (Harajuku) เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่นโตเกียว โดยมีถนนเส้นไฮไลท์อย่างถนนทาเคชิตะ ซึ่งเบียดเสียดไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยวที่มาช้อปปิ้งร้านค้าแฟชั่น แวะกินขนมอย่างร้านเครปสไตล์ญี่ปุ่น แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ คุณก็จะพบกับอีก หนึ่งถนนที่เงียบสงบ แต่ก็เต็มไปด้วยร้านค้าสุดฮิปอย่าง แคทสตรีท (Cat Street) เรียกได้ว่าย่านนี้แหละ อยู่ได้ทั้งวัน แต่หากคุณยังไม่จุใจกับการช้อปปิ้ง ช่วงเย็นๆ ก็อาจแวะไปที่ชิบุยะต่อก็เป็นแผนเที่ยวที่ดีเหมือนกันนะ
วันที่ 4
สำหรับวันสุดท้ายของทริปก่อนจะขึ้นยเครื่องกลับไทยในช่วงเย็น เราก็แนะนำให้เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ให้เรียบร้อย แล้วฝากกระเป๋าไว้กับที่พัก ออกมาเที่ยวเล่นกันอีกหน่อยก่อน ซึ่งแผนของเราก็คือ โตเกียว ทาวเวอร์ ไม่มาไม่ได้ค่ะ
การมาที่ Tokyo Tower เราก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kamiyacho แล้วเดินต่ออีก 600 เมตร ตามป้ายบอกทาง รู้สึกว่าต้องข้ามสะพานลอยด้วย ก็จะเจอ ซึ่งยังไงก็ไม่หลงค่ะ เพราะขึ้นมาจากสถานี คุณก็จะเห็นทาวเวอร์สีแดงไกลๆ แล้ว สำหรับใครที่อยากชมวิว ก็อาจเสียค่าขึ้นไปค่ะ ใครที่ไม่อยากก็อาจถ่ายรูปเล่นอยู่ด้านล่างก็ได้ แถมใกล้ๆ กันก็ยังมีสวนสาธารณะ บอกเลยว่าช่วงใบไม้เปลี่ยนสี วิวทิวทัศน์ที่นี่สวยมาก ลองมากันดูค่ะ
เช็คอินแลนด์มาร์กกันเรียบร้อย ขากลับไปเอากระเป๋า ก็อาจแวะที่ตลาด Ameyoko ในย่านอุเอโนะ กินข้าว ซื้อของฝากสักนิดก็ได้ หรือถ้าใครชิล ก็ไปสนามบินแวะช้อปก็ยังได้อีกค่ะ
เป็นยังไงบ้างกับแผนทริปเที่ยว 4 วัน 3 คืนของเราที่โตเกียว ถึงแม้จะไม่ครบทุกที่ แต่เท่านี้ก็ถือว่าได้มาเห็นโตเกียวจริงๆ แล้ว เพราะแลนด์มาร์คเด่นๆ ก็ถือว่าโอเคสำหรับคนมีเวลาน้อย หรือใครมีเวลายาวๆ จะอยู่เที่ยวต่อ บอกเลยว่า Tokyo Station , พระราชวังอิมพีเรียล , และย่านกินซ่า ก็ไม่ควรพลาด หาเวลามากันใหม่ แต่ถ้าจะหาตั๋ว Air Asia หรือสายการบินอื่นๆ ให้ถูกใจ ก็คลิกไปเลยที่ Traveloka ค่ะ