10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น

1. ต้องมีใบขับขี่(สากล)  ขั้นตอนการทำไม่ยากค่ะ เตรียมเอกสารให้พร้อม (สำเนาใบขับขี่ตลอดชีพ / สำเนาพาสปอร์ต/ สำเนาบัตรประชาชน/ รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป/ค่าธรรมเนียม 505 บาท) ทำที่ขนส่ง ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.dlt.go.th/th/index.php?option=com_content&id=3658:2012-12-06-07-52-23&Itemid=88

2. ถนนญี่ปุ่น ขับรถเลนซ้ายเหมือนประเทศไทย (ดีงามมาก ทำให้คนไทยขับรถเที่ยวได้ง่าย เพราะไม่ต้องสับสนเรื่องการเลี้ยว การเปลี่ยนเลน)

3. คนญี่ปุ่นส่วนมากจะขับรถมารยาทดี มีน้ำใจ เวลาขอทาง ส่วนมากก็จะให้ทางแบบสบายๆ ไม่ต้องใช้วิชามาร เปิดไฟเลี้ยวขอทาง เค้าก็จะให้ทางค่ะ ใจเย็นๆ ได้ไม่ต้องขับพรวดพราด หลังจากเค้าให้ทางแล้ว วิธีการส่งสัญญาณขอบคุณ คือ “เปิดไฟกระพริบฉุกเฉิน 2-3 วินาที “

4.  จอดสนิท ก่อนขับรถข้ามทางรถไฟ  อย่างที่รู้ๆ กันว่าประเทศญี่ปุ่น มีรถไฟเยอะแยะมากมายหลายสาย เพราะฉะนั้น เป็นกฏหมายข้อบังคับให้เวลาขับรถ เมื่อต้องข้ามทางรถไฟ จะต้องจอดรถสนิท มองซ้าย มองขวา ก่อนขับรถข้ามค่ะ

5. ประเทศญี่ปุ่น ไม่มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด  (ทีแรก แอดมินก็สงสัยเหมือนกันค่ะ บางครั้งติดไฟแดงอยู่เลนซ้าย แล้วอยากจะเลี้ยวซ้าย ไปได้ไหมนะ….แฮร่….)

6. GPS ที่ติดมากับรถญี่ปุ่น นั้น ไม่ได้ใช้การระบุพิกัด  coordinate  แบบที่ชาวโลกทั่วไปใช้ เช่นในกูเกิล Lat/Long แต่มีระบบ การบอกตำแหน่ง เฉพาะ ที่เรียกว่า Mapcode เป็นตัวเลข 6-10  หลัก ค่ะ  ข้อมูล mapcode  ก็หาได้ ไม่ยากไม่ง่าย  หรือจะใช้เบอร์โทรศัพท์ คีย์เข้าไปแทนก็ได้ค่ะ หรือถ้ากันเหนียว จดเอาไว้ทั้ง 2 อย่างเลย เพราะบางทีขึ้นมามากกว่า 1 อันแล้วอ่านไม่ออก เลือกไม่ถูก  -__-”
(รายละเอียด เกี่ยวกับ mapcode เดี๋ยวหาข้อมูลมาเล่าให้ฟัง พร้อมแจก mapcode Hokkaido  ด้วยค่า)
gps_japan_mapcode

 

 

 

GPS ติดรถ (โตโยต้า) มีความแม่นยำสุดๆ ค่ะ ชนิดว่า เลี้ยวที่ 0 m นี่ก็คือ จอดรออยู่ตรงแยกพอดีเป๊ะ
ถ้าหากเราไปผิดทาง มันจะ re-routing ให้อัตโนมัติด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ที่  Google Map ยังใช้เวลาหาสัญญาณเน็ทอยู่
บางทีถ้าเราเซ็ทไว้ว่าเอาระยะทางที่สั้นที่สุด มันจะพาเข้าซอก ออกซอย ลัดเลาะหมู่บ้านทั้งๆที่บางที ขับถนนใหญ่ตรงๆ ไปเฉยๆ ก็ถึงได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นท่าไม่ดี พาเข้าซอยเล็กๆ ก็ลอง zoom out ดูแผนที่รวมก่อนก็ได้ค่ะ

อีกอย่างหนึ่งคือ ด้วยระบบความปลอดภัย GPS จะไม่สามารถใช้งานอื่นๆ ได้ ขณะรถวิ่ง ถ้าจะ คีย์ mapcode เพิ่ม หรือ จะหาข้อมูลระหว่างขับขี่ ไม่สามารถทำได้ นอกจากรถจอดสนิทก่อนเท่านั้นค่ะ

ปล. อย่าลืมเลือก Multi Language GPS เพื่อความสะดวก

7. ทางด่วน จำกัดความเร็วที่ 80-120 km/hr ในเมือง 40 km/hr ตามกรอกซอกซอย 30 km/hr   อื่นๆ ทั่วไป  50-60 km/hr  (เราขับทีแรกก็เกร็งค่ะ คอยดูเกจวัดความเร็วตลอดๆ หลังๆ สังเกตว่าคนญี่ปุ่น บางทีก็ขับเร็วเกิน speed limit กันอยู่นะ โดยเฉพาะทางด่วน นี่วิ่งกันฉิวๆ เลย ทั้งๆที่เราเหยียบ 100-120  แล้วก็ตาม)

8. ปั้มน้ำมัน หาได้ง่าย พบเจอทั่วไป จะมีแบบเติมเอง และให้พนักงานเติมให้ ทางที่ดี เพื่อความปลอดภัย ควรให้พนักงานเติมจะดีกว่า
(เติมผิด คิดจนตัวตาย เดี๋ยวเครื่องรถพังจะไม่คุ้ม  มีกรณีนึง คือ เราเช่ารถ แล้วจำว่า เติมน้ำมันแบบธรรมดา (ที่ญี่ปุ่น มีเบนซินแบบธรรมดา hi-octane   และดีเซล โดยเราใช้จำสีเอา ว่า เบนซินธรรมดา สีแดง  มีปั้มนึงที่เติม ถ้าจำไม่ผิด  พนักงานหยิบหัวจ่ายสีเขียวเติมให้ เราวิ่งหน้าตั้งไปบอกเค้าว่า เอาแบบธรรมดาๆ Regular /Red  พนักงานก็ทำหน้ามึน ชี้ๆ ที่ตัวอักษรที่หัวจ่าย ว่า นี่ อ่านว่า เร กู ล่าร์….เร กู ลาร์….เราก็ยังบอกว่า เรดๆ เร กู  ลาร์ เค้าก็ยังชี้อันเดิม…อืมมมม ยอมก็ได้ งั้นแสดงว่า จำสีหัวจ่ายไม่ได้สินะ -_-” )

ค่าน้ำมัน Reg คิดง่ายๆ ที่ประมาณ 150 เยน สูสีกับ เบนซิน 95  ไทย

สำหรับปั้มน้ำมันแบบ self service หัวจ่าย ทุกสิ่งอย่างจะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ  เป็นระบบอัตโนมัติ คือ สอดเงินเข้าไป กดปุ่มๆ ว่าเอาน้ำมันอะไร เท่าไหร่ เต็มถึง รึยังไง   พอเติมเสร็จ จะได้ใบเสร็จมา  แล้วเอาใบเสร็จนี้ ไปเสียบตู้อีกตู้นึงข้างๆ หัวจ่าย เพื่อรับเงินทอน….อืมมม ถามว่าเติมเองรอดไม๊….ตอบเลยว่าไม่ ถ้าอ่านญี่ปุ่นไม่ออก… 55555

9. สถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากจะมีที่จอดรถให้ โดยเฉพาะต่างจังหวัด  สำหรับเมืองใหญ่ แม้แต่โรงแรม บางที่ก็จะมีค่าจอดรถค่ะ
ค่าจอดรถก็แปรผันตามความเจริญของเมือง
ค่าจอดสถานที่ท่องเที่ยว พวกอุทยานแห่งชาติ ค่าจอดบางทีเป็น flat rate 200-500 เยน  สังเกตดีๆ บางทีก็มีลานจอดฟรี ติดๆ กันแต่เดินไกลกว่าหน่อย
ค่าจอดค้างคืน ประมาณ 1000  เยน
หรือที่จอดรถบางที่เป็นแบบลิฟท์อัตโนมัติ  (อันนี้ไม่เคยลอง กลัวไม่ได้รถคืน  ฮ่า)

10. ค่าทางด่วน ถ้าจะให้สะดวก ใช้  ETC card เหมือนบัตร  Easy pass ของไทย แล้วมาจ่ายตอนคืนรถเช่า ก็สะดวกดีค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องเตรียมเงิน และเสียเวลาจ่ายเงิน  ต้องเช็คจากผู้ให้บริการรถเช่าว่ามี ETC  card ให้ด้วยไหม

วันอาทิตย์ ทางด่วนลดครึ่งราคาด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะซื้อทางด่วนแบบ unlimited ลองคำนวณเส้นทางและวันเดินทางก่อน ว่าคุ้มไหมนะคะ

ข้อมูลส่วนหนึ่งแปลมาจาก : http://blog.gaijinpot.com/driving-in-japan/

 

 

Comments

comments