Editor's Rating
ถึงวากายาม่า จะเป็นเมืองที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักและมาเที่ยวสักเท่าไหร่ การเดินทางไม่ได้ลำบากมากนัก ห้องและตัวอาคาร ดูเก่าหน่อย แต่ Urashima Resort & Spa Hotel เป็นที่ที่ควรมาสักครั้ง โดยเฉพาะคนที่ชอบออนเซน ห้ามพลาด
ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ที่ญี่ปุ่น หลายคนอาจจะคิดว่า เอ๊ะ..ไปเที่ยวไหนดี วันนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน เรามีโอกาสไปทริปสำรวจเส้นทางใหม่ Wakayama จ. ที่ติดกับ Osaka เขต Kansai แล้วประทับใจมากๆ ค่ะ ทุกวันนี้ ยังประทับใจ รร. Urashima อยากจะกลับไปอีกสักครั้ง ถือโอกาสนี้ เอา โรงแรม มารีวิวให้ดูอีกครั้งนึงก็แล้วกัน ^__^
ที่ตั้ง : เมืองคัทซึอุระ(Katsuura) จังหวัด วากายาม่า (Wakayama)
Official Website : http://www.hotelurashima.co.jp/
ราคาโดยประมาณ : เริ่มตั้งแต่ 15,000 เยน ต่อห้อง ++
Urashima Resort & Spa Hotel เป็นออนเซนและเรียวกังที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น และยังได้ Certificate of Excellence 2013 จาก Tripadvisor ขอบอกว่า เริ่ดมากๆ ถึงโรงแรมจะไม่ใหม่เอี่ยมทันสมัยแบบที่คนไทยคุ้นชินกัน แต่ถ้าให้อยู่ที่นี่เป็นสัปดาห์ ก็ย่อมได้ ไม่เบื่อ
ดังนั้นถ้าจะเลือกเที่ยววากายาม่า เจ๋งๆหน่อย เพื่อความฟิน ควรพักที่นี่อย่างน้อย 2 คืนนะคะ เพราะที่นี่ มีออนเซนทั้งหมด 6 บ่อในที่เดียว!! แต่ละบ่อ มีบรรยากาศแตกต่างกันไป หนำซ้ำวันนึงถ้าเข้าบ่อหญิงฝั่งซ้าย วันรุ่งขึ้นบ่อหญิงสลับไปอยู่ฝั่งขวา(ที่เคยเป็นบ่อชาย) คนละบรรยากาศกัน ต้องสังเกตจากป้าย สี สัญลักษณ์ดีๆ อย่าจำจากตำแหน่งบ่อเป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วโผล่เข้าไปผิดห้อง รับรองจะหนาว
โรงแรมอุราชิม่านั้น รถเล็กสามารถขับไปที่โรงแรมเลยได้เลย หรือจะนั่งรถไฟ JR มาลง สถานี JR Kisei Line Kii-Katsuura Station แล้วต่อเรือมาอีกนิด ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เห็นโรงแรมอยู่ลิบๆ บนเขาด้านหน้า (ท่าเรือห่างจากสถานนี ไม่ไกลมากค่ะ)
ตึกที่อยู่บนเขานั่น เป็นที่ที่เราจะไปพักค่ะ จัดว่าเป็นตึกแพงที่สุดของที่นี่ เพราะเห็นวิวทะเลจากบนเขาสวยมากกกก
เจ้าหน้าที่โรงแรมน่ารักเป็นกันเอง ออกมายืนต้อนรับที่ด้านหน้าโรงแรม คอยกางร่มให้ ยกกระเป๋าให้ ดูแลเอาใจใส่ ยิ้มแย้ม
เนื่องจากมีตึกที่พักหลายตึก และโรงแรมกว้างมากกก วิธีการพัก รร.แห่งนี้ ไม่ให้หลงทาง คือ ให้เดินตามเส้นที่พื้น (จะทาสีของตึกต่างๆ เอาไว้) เพื่อไปยังตึกที่พักของเรา
ส่วนออนเซนทั้ง 6 บ่อที่กระจายกันอยู่ตามตึกของโรงแรม ให้ดูแผนที่แล้วเดินตามเส้นสีนั้นๆ ไป ถ้าไปไหนไม่ถูก ให้กลับมาตั้งต้นที่ล็อบบี้ -_-”
ตึกที่พักบนเขา สามารถเดินไปได้ 2 วิธีค่ะ คือ ขึ้นบันไดเลื่อนที่ยาวมากกกกกกกกไป หรือ เดินตามเส้นสีเขียว เพื่อไปตึกหลัก บนยอดเขา อันเป็นที่ที่เราจะไปพัก เป็นเส้นทางที่เจาะทะลุใต้ภูเขาเป็นอุโมงค์ไปถึงลิฟท์ใต้ภูเขาที่จะพาเราขึ้นไปยังห้องพัก และห้องรับประทานอาหารเช้า
ห้องพักแบบญี่ปุ่น มองเห็นวิวทะเล มีชุดยูกาตะให้เปลี่ยนในห้องด้วยค่ะ เป็นลายเต่า ตำนานของเมือนคัตซึอุระแห่งนี้ เต่าลูกสาวของเจ้าเมืองบาดาล ที่ตกหลุมรักกับมนุษย์ ที่ช่วยชีวิตเอาไว้ สัญลักษณ์ของเมืองนี้ เลยเป็น เต่าน้อย
ช่วงเวลาที่เราลงไปกินข้าวเย็น ที่นอนจะถูกเอาออกมาปูกลางห้อง จัดวางไว้ให้เรียบร้อย
เนื่องจากของดีเมืองวากายาม่าเป็นบ๊วย ในห้องมีผลิตภัณฑ์จากบ๊วย บ๊วยแห้ง ขนมเซมเบ้ และขนมท้องถิ่นให้ลองชิม ถ้าติดใจลงไปซื้อได้ที่ร้านค้าของโรงแรมด้านล่าง ขอบอกว่า บ๊วยหย่อยมากกก แก้ง่วง ตาสว่างดีนักแล พักสองคืน เอาขนมใหม่มาเติมให้ทั้งสองคืนเลยค่ะ
อาหารบุฟเฟ่ที่โรงแรม คืนแรก เราได้ดูกรรมวิธีแล่ปลาทูน่าตัวจิ๋วๆ หนัก 20 กว่าโลด้วยมีดคมกริ๊บบบ…แป๊บเดียว แยกร่างเหลือแต่ก้าง ไปกันคนละทิศละทาง เฉือนๆ ผ่าๆ เนื้อแต่ละส่วน ออกมาเป็นปลาดิบ บางส่วนที่ติดเลือด เอาไปต้มซุป ต้มข้าวต้ม บางส่วนเอาไปทำอาหารอื่นๆต่อไปค่ะ
ฤดูนี้ จัดว่าเป็นฤดูที่ปลาน้อย และตัวเล็ก ถ้าเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ วางไข่ ปลาจะตัวอวบอ้วน หนักร่วมร้อยกว่ากิโล อันนี้ 20 กว่าโล ยกคนเดียว..ชีล
ทูน่า ใช้ได้ทุกส่วน หัวปลา เอาไปต้ม สำหรับเนื้อส่วนนี้ ติดกับก้าง ใช้ช้อนขูดๆ ออกมาค่ะ กินดิบได้เลย หรือ ถ้าเนื้อส่วนท้อง ติดกับเครื่องใน มีเลือด เค้าจะเอาไปต้มซุปปลา พลีชีพเพื่อชาติมั่กๆ
บุฟเฟ่โรงแรมมื้อค่ำ จริงๆ มีเยอะกว่านี้มากก ไม่ได้ถ่ายมาค่ะ มัวแต่กิน 55555 ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล ปลาสด กุ้งสด
ที่สำคัญ คือคืนแรก จำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกระดกเหล้าบ๊วยที่เติมได้ไม่อั้นเข้าไป….แผนการณ์ที่จะไปตระเวนแช่ออนเซน 6 บ่อ ว่ายวนในน้ำร้อน 18 ท่า 5 นาที ล่มสลาย หลับคร่อกกกกกอยู่บนห้องนั่นแหละ..T_T
ส่วนวันที่สอง เรารับประทานอาหารชุดแบบจัดเต็ม เรียกว่า ไคเซกิ วันนี้ ไม่พลาดท่าให้เหล้าบ๊วยอีกแล้ว แก้มือที่ไม่ได้แช่ออนเซนให้ครบ
ปริมาณของอาหารในหนึ่งชุด เทียบได้กับการสั่งเซ็ทแบบในร้านอาหารญี่ปุ่นประเทศไทยสัก 5 เซ็ทรวมกัน กินจนพุงจะแตก สมเป็นเมืองที่อาหารทะเลขึ้นชื่อ เมนูเด็ดหอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่มากกก เป็นๆ นอนหายใจรวยรินรออยู่ในหม้ออบ พอเสร็จแล้ว เอาเนยวางโปะลงไป ให้เยิ้ม…อืมมมม หอม นุ่ม หนึบ หย่อย ส่วนปลาดิบไม่ต้องพูดถึง ปกติอยู่เมืองไทยไม่ค่อยกิน แต่เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม อร่อยไปอีกแบบค่ะ
ที่นี้มาดู ไฮไลท์ของที่นี่กัน นั่นคือ Onsen ตอนเช้า ตื่นมาง่วงๆ มึนๆ อากาศเย็นๆ แต่ได้นอนแช่น้ำร้อน ในถ้ำ ฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้ามาในเวิ้งหน้าผา เสียงดังกึงก้องกังวาลไปทั่ว โฮววว…..สุดๆ อะ
ทั้ง 6 บ่อ จะมีตราประทับ ถ้าใครเข้าเกิน 3 บ่อในขณะที่มาพักสามารถเอาตราประทับไปแลกของที่ระลึกจากโรงแรมได้ค่ะ เริ่ดเนอะ
ประเดิมเช้าวันใหม่บ่อที่เค้าว่ากันว่าสวยที่สุด บ่อแรกนี่แหละ อยู่ใกล้ที่พักเราที่สุด ออนเซนอยู่ในถ้ำ ชื่อว่า Bokido ไกด์แปลให้ฟังประมาณว่า เข้าไปละลืมโลกไปเลย เป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สุดยอดมากๆ สักครั้งในชีวิตน่ะนะ
รูปด้านในออนเซนไม่สามารถเอากล้องเข้าไปถ่ายได้เลย ไปเซริชหาจากเว็บของโรงแรมเอง เอามาให้ดูพอเป็นไอเดียค่ะ จะได้เห็นภาพว่าไม่ได้โม้