Tips & Technique ในการจัดกระเป๋า แบกเป้เที่ยว

1. แต่ละทริปที่เราไปเที่ยว มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการไปแตกต่างการ วางแผนสิ่งของที่จะใช้ในทริป ให้ไปทางเดียวกัน จะได้ไม่แป่ก ไม่เผื่อ ไม่เหลือ ไม่ขาด ใช้จินตนาการ  พร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติม สภาพดินฟ้า อากาศ

ของบางอย่าง แบกไปได้ ของบางอย่างไปหาซื้อเอาข้างหน้าก็ได้ ไม่ต้องขนให้หนัก

2. หัวใจหลักสำคัญ ในการจัดกระเป๋า คือ การถ่ายน้ำหนักสิ่งของในกระเป๋า ให้สมดุล
ของที่หนักที่สุด ควรอยู่ตรงกลาง และแนบชิดติดลำตัวมากที่สุด  เช่น….โน๊ตบุค  shower set แชมพู สบู่ ทั้งหลาย  รองเท้าบูทส์ หม้อไห กระทะ (ถ้าต้องพก) เป็นต้น

ของที่มีน้ำหนักปานกลาง ให้ไว้ด้านล่าง เช่น ถุงนอน  ผ้าเช็ดตัว แผ่นรองนอน

ของที่น้ำหนักเบา ไว้ด้านบน ๆ หรือ ชั้นนอก หยิบใช้สอยง่าย เช่น เสื้อกันฝน  ไฟฉาย ขนมขบเคี้ยว ร่ม

3. ของที่ขาดไม่ได้ในการแพคแบบประหยัดเนื้อที่

  • หนังยางล้างใจ….เอ้ย หนังยางคู่ใจ เชื่อไหมว่า  ทุกๆทริป แนะนำให้พกหนังยางวงๆ เอาไว้เยอะๆ มีไว้ใช้ประโยชน์ คือ ลดพื้นที่ เสื้อผ้า โดยการ พับ ม้วน แล้วมัดด้วยหนังยาง ประหยัดพื้นที่ได้มากเลยเชียว ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ยังไม่ได้ใส่ หรือเสื้อผ้าที่ได้จากการช็อบปิ้งระหว่างทาง
  • ถุงซิปล็อค  ถุงเล็กๆ เอาไว้แบ่งสิ่งของใช้ต่างๆ แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน มองเห็นได้ง่าย ที่สำคัญ ยังกันน้ำ(เข้าและออก) อีกด้วย  พกถุงเปล่าไปเผื่ออีกสัก 2-3  ใบ เผื่อซื้อของเหลวอื่นๆ กลับบ้าน

อะไรบ้างควรใส่ในถุงซิปล็อค

แชมพู สบู่ ของเหลวทั้งหลาย

ยาต่างๆ  (อย่างน้อย มันก็ไม่เปียกและปะปนกับอย่างอื่น)

เราเคยไปทริปญี่ปุ่น แล้ว เจ้าบ้านต้อนรับขับสู้ แจกน้ำปลา โชยุ มาให้ 2-3 ขวด มันอร่อยมว๊ากกก..แต่ไม่อยากเอากลับเล้ยย  โชคดีที่พกถุงซิปล็อคไป เอาใส่กลับมา เพราะไม่อยากจะคิดว่า ถ้าน้ำปลาแตกในเป้ จะเป็นยังไงบ้าง หอม อร่อยกันถ้วนหน้า

สำหรับถุงซิบล็อคใหญ่ๆ แบบที่ขายในไดโซะ ไว้ใส่เสื้อผ้า ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดอากาศออกให้เป็นสูญญากาศ ก็ใช้ได้ดี  แต่ว่าเอาเข้าจริงๆ พอถึงเวลาต้องแพคขากลับ ไม่มีเครื่องดูดฝุ่น ก็ใช้ นั่งทับ ไล่ลมออก ก็ช่วยได้ในระดับนึง ถึงแม้ว่าผลอแป๊บเดียว ฟูขึ้นมาใหม่ ก็ยังดีกว่าไม่ใช้เลย ช่วยประหยัดเนื้อที่ได้พอประมาณ

  • ถุงก็อบแก๊บใบใหญ่(หรือถุงดำ)   ไว้แยกเสื้อผ้า ใช้แล้วออกจากกัน  ถ้าเสื้อผ้าใส่แล้วเราใส่ถุงดำเลยล่ะค่ะ แยกง่ายดี แต่อย่าลืมเก็บกลับมานะ เดี๋ยวเผลอคิดว่าถุงขยะ

ในบางประเทศ หาถุงพลาสติกยากจริงๆ เช่นเกาหลี เป็นต้น

  • ถ้าเที่ยวหน้าฝน (หรือหิมะตกหนักๆ) อย่าลืมถุงคลุมเป้แบบกันน้ำด้วย ใช้คลุมกระเป๋าก่อนโหลดขึ้นเครื่องก็ได้ ป้องกันสายระโยงระยางของเป้ไปเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
  • Lightpack สำหรับใช้ประจำวัน  ควรมีกระเป๋าแยกใบเล็กๆ สำหรับแบ่งใส่ของใช้จุกจิก เวลาเดินเที่ยว
    อย่างอันนี้ ของ  Northface เลิฟมั่กๆ ใช้มา 2 ใบ มีเพื่อนซื้อตามอีกหลายคน เพราะว่า เบามากกก พับแล้วเล็กมากกกกก ใส่ของจุมากกกกก…..สะพายแล้วไม่ปวดหลัง แจ่มสุดๆ

northface_backpack
4. ขนาดของกระเป๋าเป้ และความยาวของทริป

Type of trip* ความจุ (liters) น้ำหนักกระเป๋าเปล่า (lbs.)
ทริปค้างคืน 1-2 คืน 20-50 1.5 to 4.5
วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเทศกาล (2-3 คืน ) 50-60 2.5 to 5
โดดงานยาวหน่อย (2-5 คืน) 60-80 2.5 to 5+
ไปแบบลืมวันลืมคืน (5+ คืน) 80+ 4 to 6+

* ถ้าเดินทางช่วงฤดูหนาว กระเป๋าก็อาจจะใหญ่ขึ้นไปอีก ทั้งนี้ทั้งนั้น ความจุของกระเป๋า ขึ้นกับความสามารถในการแบกด้วยค่ะ  สำหรับสาวๆ แล้ว คิดว่า 60 ลิตร กำลังดี ใหญ่กว่านี้ ชีวิตเริ่มยาก

น้ำหนักเป้ที่เหมาะสมคือเมื่อใส่สัมภาระแล้ว ไม่ควรเกิน  15% ของน้ำหนักตัว เช่น หนัก 60 กิโล  เป้ควรหนักไม่เกิน 9 กิโล
ก่อนหน้านี้ เคยซื้อเป้ยี่ห้อดังๆ D. มา รุ่นที่เขาว่าดีๆ ลองสะพายที่ร้าน แบบไม่มีของ ก็คิดว่าโอเค ปรับความยาวหลังได้ แต่พอมาลองใส่ของที่บ้าน แล้วพบว่า ไม่พอดีกับไหล่และหลัง (ถึงจะปรับสั้นที่สุดแล้ว สายพาดบ่ายังลอยๆ จากไหล่อยู่ดี) รู้สึกไม่คล่องตัวอย่างแรง(อันนี้ เป็นความเห็นส่วนตัว คนอื่นใช้แล้วอาจจะดี เหมาะกับสรีระ)

ดังนั้น แนะนำว่า เวลาซื้อเป้ ควรทดลองสะพาย และใส่ของหนักๆ ลงไปด้วยนะคะ อย่าทดลองสะพายเป้เปล่าแล้วตัดสินใจซื้อ 

ยี่ห้อ ที่แนะนำ แบบไม่ม้าเลย ส่วนตัวชอบมากกกก คือ  Gregory เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคา ใส่ของได้จุมากๆ  สะพายแล้วไม่ปวดหลัง ไม่เจ็บบ่า ถ่วงดุลน้ำหนักได้ดี ถ่ายน้ำหนักลงสายคาดเอว กลางลำตัวได้ดีมากๆ ถูกลักษณะทางกายภาพ ไม่ได้เอาน้ำหนักมาโหลดที่บ่า ไหล่ อย่างเดียว  ถึงจะใส่ของหนัก มียังความคล่องตัว
สายไม่ห้อยเกะกะ รุ่มร่าม

PhotoGrid_1414949866143

 

ในเป้จริงๆแล้ว จุของเยอะมากกก เดินทางประมาณ 7 คืน ด้วย condition ว่า   เราเดินทางกับลูก 2 คน ต้องใช้กระเป๋าแค่ใบเดียว เพราะไม่สามารถแบกได้เยอะกว่านี้ และจะต้องมีมือนึงว่างเอาไว้จูงลูกด้วย ถ้าใช้กระเป๋าลากๆ จะไม่สามารถ  อีกทั้งสภาพอากาศหนาวมาก ต้องพกเสื้อหนาวและกางเกงขายาวไปกันคนไปหลายตัว เผื่อเสื้อผ้าเยอะมาก เพราะกิจกรรมลุยเยอะ

ในเป้นี่ มีสัมภาระสำหรับ ผู้ใหญ่และเด็กเบบี๋ คือ มีทั้งเป้อุ้มลูก แพมเพิส ยัดอยู่ในเป้ด้วย..ตอนเราสะพายจริงๆ เรารัดถุงนอน(ในถุงนอนมีผ้าห่มอีกผืน) ไว้ใต้เป้อีกที

สะพาย Gregory ด้านหลัง ส่วน Northface สะพายด้านหน้า ก็ยังโอเคนะ วิ่งขึ้นรถไฟ กระโดดขึ้นสองแถวได้ ฮิฮิ )  น้ำหนักของทั้งหมด น่าจะสิบกว่าโล overweight เพราะต้องแบกของลูกด้วยนี่แหละ

ถ้ามีพวก tent/pole/Boots คู่ใหญ่ๆ  สามารถเสียบหรือรัดไว้ด้านนอกเป้ได้  มีสายรัดให้ค่ะ

 นอกจากการจัดพื้นที่เป้โดยคำนึงถึงการถ่ายน้ำหนักแล้ว ควร zoneing ของในเป้ ตามฟังก์ชั่นการใช้งานและฟังก์ชั่นเป้าอีกด้วย  เช่น จัดเสื้อผ้า ให้หยิบเข้าออกได้ง่าย เพราะกระเป๋าดีๆ จะเปิดได้ 3 ทาง บน กลาง ล่าง  หรือบางรุ่น มีซิบล้วงได้จากทางด้านหลังอีกด้วย (เวลาจะซื้อเป้ใบใหญ่ ควรดูจุดนี้มากๆ  เพราะถ้าหยิบได้จากทางด้านบนอย่างเดียว คุ้ยหาของกันแทบจะมุดลงไปทั้งตัว

ข้างบนสุด ใส่อะไรที่ หยิบง่ายๆ ต้องหยิบเวลาฉุกเฉิน เช่น เสื้อหนาว เป้อุ้มลูก ผ้าเช็ดตัว (ที่เวลาเราแพคกระเป๋า มักจะเก็บเป็นอย่างท้ายๆ เพราะมันเปียก ชื้น)

ตรงกลาง พื้นที่เยอะสุด ใส่ของตัวเอง

ข้างใต้ พื้นที่กระเป๋าแคบลง ใส่เสื้อผ้าลูกลงไปสิบกว่าชุด(เด็กๆ ใส่เสื้อผ้าเปลือง เปื้อน ใส่ซ้ำไม่ได้) ใช้วิธี ม้วน ใช้หนังยางรัดนี่แหละค่ะ

ช่องข้าง ใส่อะไรที่หยิบบ่อยๆ เช่น รองเท้าแตะ  ถุงเท้า ไฟฉาย แปรงสีฟัน

 

5. หลังจากแพคกระเป๋าเสร็จแล้ว ให้ ทดลองสะพายจริง เพื่อหาจุดสมดุล…..ด้วยขนาดความสูงของตัวเราและเป้แต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน สมบัติแต่ละครั้ง หอบไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงควรลองสะพายขึ้นบ่าดู  ลองเดิน ลองก้ม ลองนั่ง ว่า จุดสมดุล ถ่วงน้ำหนักโอเคไหม ถ้าไม่โอเค อาจจะต้องมีการขยับของที่มีน้ำหนักมากๆ ขึ้น หรือลง ให้ได้ตำแหน่งที่ สะพายแล้ว ไม่”เงิบ”

 

ขอให้มีความสุขกับการแพคกระเป๋านะค๊า ^__^

Comments

comments